“ พระนางฉางเอ๋อ ”   วัตถุมงคลเสริมดวงคู่  หนุนดวงความรักให้อยู่ดีมีสุข  ไม่ทะเลาะกัน   ให้โชคดีมีความสุขในการดำรงชีวิต   ปกป้องรักษาโรคภัยไข้เจ็บ   ด้านหน้าองค์พระเป็น “ พระนางฉางเอ๋อ ”  เทพแห่งความรักบนดวงจันทร์  วังจันทรา  และกระต่ายหยก ผู้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ   ส่วนด้านหลังองค์พระเป็น ภาษาจีน 5 ตัว เขียนว่า “ ความรักดีมีความสุข ”  สัญลักษณ์รูปหัวใจ เป็นสัญลักษณ์แห่งความสิริมงคลของชีวิตคู่ของจีน   ส่วนยันต์ไทยเป็นยันต์เอก ของ พระครูประภัศร์ธรรมานุกูล  ( พระครูเสมอ ) วัดแสวงหา  จังหวัดอ่างทอง  เป็นยันต์ตัวลักษณะ “ ส ” แสดงถึง  มีความสุขดี  พระนางฉางเอ๋อ มีขนาดเล็ก เหมาะสมกับผู้หญิงบูชา  โดยสูงประมาณ 2.8 เซนติเมตร

คนเรามักมีความรักและมีการกระทำใช้ชีวิตแบบต่างๆ  ในชีวิตคู่หลากหลายรูปแบบ  ไม่มีใครอยากมีความทุกข์ บางทีช่วงที่เรามีความสุขหรือความทุกข์เราอาจลืม หรือไม่เคยคิดเสริมดวงในเรื่องของดวงคู่ ช่วยในเรื่องของความรัก หรือเสริมดวงความสุขเลย ..... ใช่แม้ที่บางทีเราอยากให้ความรักเราดี จนบางครั้งเราไปทำบุญบางอย่าง   แต่เราเคยคิดไหมทำไมทำแล้วบางทีเรากลับรวยขึ้น  โชคดีขึ้น หรือหน้าที่การงานดีขึ้น  แต่ความรักยังไม่ดี  แบบนี้เรียกว่าเสริมไม่ตรงจุด   ไม่มีใครเอาคอมพิวเตอร์ไปซ่อมในร้านมอเตอร์ไซด์เช่นใด การทำบุญใดๆก็มักให้ผลเช่นนั้นเหมือนกัน  หรือบางทีแฟนเราเจ้าชู้  ซึ่งตอนรักกันใหม่ๆไม่เจ้าชู้ให้เห็นเลย  แบบนี้เรียกว่าเจ้าชู้  หรือ เบื่อเรากัน  บางทีความรักก็เหมือนของกิน กินแบบเดิมๆมากๆ  แม้ตอนแรกบอกว่าชอบ ( กิน ) มาก  ไม่มีเปลี่ยนไปไหน  แต่กินไปนานๆ ให้กินบ่อยๆ ก็เปลี่ยนไป อย่างนี้เขาเรียก กินมากความต้องการมันก็ลดลง  แล้วเราจะทำอย่างไรให้กินไม่เบื่อล่ะ เราจึงสมควรไว้ซึ่งการทำให้ใจยังคงรักษาสภาพความรู้สึกของช่วงเวลาที่ดีให้ได้อยู่เสมอ  ทั้งการกระทำ และ การเสริมดวงความรัก  ดวงความสุขของชีวิต   ความสุขเป็นเรื่องวงกว้างที่ชีวิตเราต้องการ  ความสุขคือความพอใจของเรา เป็นสิ่งที่เราพึ่งพอใจ    ความรักก็อยู่เหนือทุกสิ่ง  ความรักที่ทุกข์ก็ทำให้เราใช้ชีวิตไม่เป็นปกติได้   กิน  นอน  เล่น  ทำงาน หรืออะไรก็ตามย่อมไม่เหมือนเดิมแน่นอนเมื่อเรามีความทุกข์ในความรัก  แล้วทำไมเราไม่ลองใช้วัตถุมงคลทางความรัก  เสริมเสน่ห์ทางใจแบบชัดเจนดู.....

  พระฉางเอ๋อ มีพุทธคุณในการรักษาความรู้สึกดีในชีวิตคู่ของท่านให้ดีอยู่เสมอ  มีการปรกเสกเสริมดวง  เสริมเสน่ห์ ของเวทย์ ” สายขาว ” ทั้งพิธีพระและพิธีพราหมณ์  พิธีพระได้รับการปรกเสกเป็นพิเศษโดย พระครูประภัศร์ธรรมานุกูล  ( พระครูเสมอ ) วัดแสวงหา  จังหวัดอ่างทอง   พิธีพราหมณ์ปรกเสกและลงคาถาอาคม โดยพราหมณ์สองเมือง และพ่อปู่รุต  พระนางฉางเอ๋อ  เทพแห่งการช่วยเหลือความรัก ให้สุขสมหวัง ของจีน  ท่านมีเรื่องราวทางความรักที่ลึกซึ้งเป็นอมตะ  จึงเหมาะแก่การนำมาเป็นเทพแสดงพุทธคุณของวัตถุมงคลที่ช่วยเหลือเรื่องความรัก  หนุนดวงเรื่องความรัก  ดวงความสุขเป็นอย่างยิ่ง  คนจีนยังนิยมสักการะเซ่นไหว้ พระนางฉางเอ๋อ เป็นประจำทุกปี คือวันไหว้พระจันทร์ ( 15 ค่ำ เดือน  8 )  เพื่อพรขอให้พระนางฉางเอ๋อเมตตา บันดาลให้มีชีวิตที่สงบสุข โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่จะนิยมขอให้สมหวังในเรื่องคู่รัก

ข้อมูลพระและพราหณ์ ที่ปรกเสกเบื้องต้น

  พระครูประภัศร์ธรรมานุกูล  ( พระครูเสมอ ) วัดแสวงหา  จังหวัดอ่างทอง  เกจิสายเมตตา  มีความสุข  แคล้วคลาด  ปลอดภัย  พระครูเสมอท่านมียันต์เอกของท่านเป็นยันต์ลักษณะ  ตัวลักษณะ “ ส ” ซึ่งมีความหมายดีๆง่ายๆ  ว่า  “ มีความสุขดี ”  พระครูท่านมีลูกศิษย์มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ( อยู่ต่างประเทศแท้ๆ ) ด้วย   ท่านมีการปรกเสกพิเศษมากมายทั้งปรกเสกตามวัด  และพิเศษสุดคือปรกเสกของให้คนจีน  ซึ่งบางอย่างก็เป็นของที่ร้านขายของมงคลที่ประเทศจีน  นำมาให้ปรกเสกเพื่อไปจัดให้บูชาหรือจำหน่ายด้วยให้แก่คนที่มณฑลนั้นๆด้วย  นับเป็นเครื่องหมาย แห่งความเข้มขลังและความเป็นมงคลได้ดียิ่ง คนที่บูชาวัตถุมงคลของท่านไปก็ประสบผลดีเป็นเมตตา มงคลเสมอ

  พิธีพราหมณ์ ถูกปรกเสกโดย  พราหมณ์สองเมือง  พันธุ์รัตน์  หรือ  อาจารย์สอง  ดนตรีไทย  พราหมณ์เอกโดยกำเนิด สืบจากรุ่นสู่รุ่น  มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นทั้งพราหมณ์  อาจารย์ และพระเกจิมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่มาเรียนเรื่องอักขระ เลขยันต์  คาถาอาคม  ท่านนี้เก่งมากเรื่องมหาเสน่ห์  เก่งแบบอยู่บ้านใครไม่ได้เชียว  ต้องวิเวกอยู่สันโดษ  เพราะมีเสน่ห์ที่มองไม่เห็นแรงจัด   ท่านเสกอะไรทำตามหลักง่ายๆทุกอย่าง  ทั้งคาถาและวิธีใช้   ท่านบอกของทุกอย่างมันมีเหตุมีผลในตัวของมัน

  อีกท่านหนึ่งคือ พราหมณ์รุต หรือ พ่อปู่รุต  ( พ่อปู่ฤาษี  เก้าเคียร  บรมโกศ )  แห่งบ้านดอนทอง พราหมณ์ที่มีความสันโดษโดยแท้  ขนาดเคยบวชเป็นพระยังบอกว่าพระยังวุ่นวายเลย ( ความหมายของพราหมณ์รุตท่านประมาณว่า พระก็ต้องมีกิจนิมนต์ กิจทำโน่นทำนี่เป็นประจำ )   ท่านเลยออกมาปลีกวิเวกอยู่เป็นส่วนตัว ซึ่งส่วนใหญ่  จะพบปะแต่กับลูกศิษย์สนิท  ท่านชอบมีเวลาตั้งจิตปฏิบัติมาก  ท่านเสกหรือลงคาถาอาคม  ด้วยวิธีหลักคือ เน้นที่พลังความคิด เป็นพลังจิต  ประมาณว่าคิดว่ามันต้องดี  มันก็ต้องดี และมันก็ดีจริงๆ  พ่อปู่ท่านเป็นคนจริงจังกับการปรกเสกมาก จะปรกเสกของทีก็ปรกเสกเป็นอย่างๆ  ทำให้พิธีปรกเสกลงคาถาอาคมของท่านแต่ละครั้งกินเวลานานหลายชั่วโมง อย่างไวๆยัง 2 – 3 ชั่วโมงเลย ทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นวัตถุมงคลเข้มขลังเฉพาะทางได้เป็นอย่างดี
พระนางฉางเอ๋อ  หรือ เทพธิดาฉางเอ๋อ  บันดาลให้ ผู้บูชา  ความรักดีมีความสุขเสมอ ทุกๆคนครับ บูชาไว้ดีมากครับ  วัตถุมงคลนี้เสริมความรัก เสริมความสุข  หนุนดวงคู่ดีเป็นอย่างยิ่งครับ

ประวัติและเรื่องราวความรักของพระนางฉางเอ๋อ หรือ เทพธิดาฉางเอ๋อ

     เรื่องราวเล่าขานกันว่า ในสมัยโบราณมีพระอาทิตย์บนท้องฟ้ามากถึง 10 ดวง แผดเผาจนแผ่นดินแห้งแล้งไปหมด ทะเลเหือดแห้ง ทุกหัวระแหงลุกเป็นควันไฟ  ชาวบ้านต่างสิ้นหวังที่จะมีชีวิตอยู่รอดไปได้ เรื่องราวทุกข์ร้อนของชาวบ้านนี้ได้ยินถึงหูของผู้กล้านาม โฮ่วยี่ เขาจึง ได้ขึ้นไปบนยอดเขาคุนหลุน ใช้พละกำลังสุดฤทธิ์ดึงเกาทัณฑ์ยิงพระอาทิตย์ดับไป 9 ดวง
     วีรกรรมครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านรอดพ้นจากความตาย  จึงได้รับการเคารพ รักใคร่จากชาวบ้านและผู้กล้าต่าง ๆ ในแผ่นดินต่างเดินทางมาเพื่อขอเป็นลูกศิษย์ฝึกวิทยายุทธ ซึ่งในเหล่าผู้เกล้าเหล่านี้มีผู้จิตใจคิด นาม เผิงเหมิง รวมอยู่ด้วย

     หลังจากนั้น โฮ่วยี่ได้แต่งงานกับสาวงามที่มีจิตใจอ่อนโยน มีความเมตตาชื่อฉางเอ๋อ ชีวิตของทั้งคู่จึงเป็นคู่กิ่งทองใบหยกที่ชาวบ้านต่างยินดีชมชอบกันวันหนึ่ง โฮ่วยี่ได้ขึ้นไปยอดเขาคุนหลุนเพื่อเยี่ยมมิตรสหายและศึกษาธรรม  ในระหว่างทางบังเอิญได้พบกับฮองเฮาแห่งสวรรค์ โฮ่วยี่จึงได้ขอยาอายุวัฒนะ ซึ่งกล่าวกันว่าเมื่อกินเข้าไปแล้วจึงสามารถเหาะเหินขึ้นสวรรค์กลายเป็นเซียนทันที

     โฮ่วยี่ได้ยามาแล้ว แต่ก็อาลัยอาวรณ์ฉางเอ๋อ จึงไม่อยากทิ้งนางไว้คนเดียว จึงได้แต่มอบยาดังกล่าวให้ฉางเอ๋อเก็บรักษาไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง แต่ก็ไม่คลาด - สายตาของเผิงเหมิงผู้ซึ่งรู้เรื่องราวดังกล่าวด้วย หลังจากนั้นสามวัน โฮ่วยี่ได้พาเหล่าลูกศิษย์ออกไปล่าสัตว์ แต่เผิงเหมิงแกล้วป่วยจึงทำเป็นนอนรักษาอยู่ในบ้าน เมื่อได้โอกาส เผิงเหมิงจึงควงกระบี่ขู่บังคับให้ฉางเอ๋อมอบยาให้เขา ฉางเอ๋อรู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเผิงเหมิง จึงหยิบยาออกมา แต่ฉวยจังหวะในเสี้ยววินาทีเอายาเข้าปากกลืมจนหมดสิ้น
     จากนั้น ร่างของฉางเอ๋อก็ลอยเหนือพื้นดิน และเหาะออกหน้าต่าง เหินฟ้าสู่สวรรค์ไป แต่เนื่องจากยังเป็นห่วงสามี จึงเหาะไปเป็นเซียนในโลกพระจันทร์ เนื่องจากอยู่ใกล้โลกมนุษย์มากที่สุดค่ำคืนนั้น เมื่อโฮ่วยี่กลับจากการล่าสัตว์ สาวใช้ร้องห่มร้องไห้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันให้ฟัง โฮ่วยี่ทั้งเจ็บแค้นทั้งโศกเศร้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากเผิงเหมิงหนีไปไกลแล้ว ก็ได้แต่นั่งร้องไห้พร้อมกับเหงยหน้าตระโกนเรียกชื่อภรรยาตัวเอง ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นพระจันทร์ในคืนนี้มันสดสกาวและสว่างกว่าทุกคืนที่ผ่านมา และยังสังเกตเห็นเงาเคลื่อนไหวในพระจันทร์ซึ่งดูเหมือนรูปร่างของฉางเอ๋อ  

     นับจากพระนางฉางเอ๋อท่านเป็นเซียนบนดวงจันทร์แล้ว  โฮ่วยี่ ก็ได้พยายามฝึกตนจนได้เป็นเทพบนสวรรค์ และรับอนุญาตให้ได้สมหวังพบกับฉางเอ๋อ  ปีละครั้ง นับเป็นเรื่องราวความรักความรักที่เป็นอมตะและลึกซึ้งโดยแท้จริง
     ต่อมาเมื่อชาวบ้านได้ยินเรื่องราวของฉางเอ๋อกลายเป็นเซียนบนพระจันทร์ ต่างก็จัดขนมเซ่นไหว้พร้อมจุดธูปกราบไหว้ขอพรจากฉางเอ๋อผู้ซึ่งมีความเมตตาให้คุ้มครองชีวิตมีความสงบสุข   โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่จะนิยมขอให้สมหวังในเรื่องคู่รัก  จึงนับเป็นจุดกำเนิดเริ่มต้นของตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์ จวบจนถึงปัจจุบัน

     เรื่องราวของพระนางฉางเอ๋อที่สวยงามก็มีประมาณนี้ล่ะครับ อาจมีตำนานอีกหลายแบบ แต่ทั้งหมดก็เกี่ยวกับเรื่องราวของความรัก เพราะพระนางฉางเอ๋อ ท่านมีความรักที่ต้องมีการจากลา  มีความตั้งใจในความรักแท้ต่อคนรัก  ทำให้พระนางฉางเอ๋อ  เข้าใจในความรู้สึกในความรักได้อย่างแท้จริง  และสามารถช่วยเหลือความรัก ความสุขของคนได้เป็นอย่างดี  เมื่อท่านเป็นเซียนบนดวงจันทร์แล้ว จึงมีการขอพรจากท่านให้ชีวิตมีความสุข และมีความรักที่ดีตราบจนถึงทุกวันนี้.....